Thirumandiram ตำนานโบราณจากอินเดียใต้ ตอนที่ 9 Sivayoga is to attain Self-Illumination

สรุปความจากบทที่ 122 - 142

Sivayoga is to know the Cit - Acit, 
ศิวะโยคะ คือ การให้รู้ความแตกต่างระหว่าง จิตวิญญาณ (Cit) และ โลกวัตถุ (Acit) เข้าสู่การเป็นสมาธิ รับความกระจ่างใสในตน ละทิ้งหนทางที่ผิด และเข้าถึงโลกของพระเจ้า คือ ศิวะโยคะ ที่จริงแท้ จิตวิญญาณ คือ จิต คือ สติ คือ การตระหนักรู้ แต่โลกวัตถุนั้นต่างกัน เราฝึก จิตวิญญาณ ได้ผ่านการฝึกโยคะและฝึกความอดทน แล้วเราจะเข้าถึงรู้จักตัวตน และ ได้รับความเป็นอิสระเสรีภาพ

พระเจ้าคือ พื้นที่ของจักรวาล คือ น้ำทิพย์ของจิตวิญญาณ คือ แสงสว่างในแสงสว่าง นั่นคือ สภาวะอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า 

Sleeping still They Perceive,
ในการหลับนั้น เราจะได้เห็นโลกของพระศิวะหรือพระเจ้า เราจะเห็นโยคะ หรือการฝึกตนของพระศิวะหรือพระเจ้า เราจะเห็นอาหารของพระศิวะหรือพระเจ้า เมื่อประสาทสัมผัสทั้งห้า ได้รวมเข้ากับ "เสียง" ก็จะได้เข้าสู่หนทางแห่งวิวัฒนาการ


The tiny atom, swimming the Universe vast,
อะตอม ว่ายอยู่ในจักรวาล (บทนี้น่าสนใจมากค่ะ - ผู้เขียน - เป็นหนังสือโบราณที่พูดถึงเรื่องอะตอม) ที่พึ่งสุดท้ายของจิตวิญญาณที่จะส่องสว่าง คือ พระศิวะพระเจ้าเท่านั้น นั่นคือ ความจริงแห่งอิสระหนึ่งเดียว แล้วเราจะควบคุมประสาทสัมผัสทั้งห้าได้ ประสาทสัมผัสทั้งห้าจะได้รับการดูแลและฟื้นฟูในแบบที่มันควรจะเป็นมาแต่ดั้งเดิม และรับรู้พลังจากภายใน เมื่อจิตวิญญาณของเราได้พบกับพระเจ้าเท่านั้น 



Physicists Capture Images of Single Atoms ‘Swimming’ in Liquid

Physicists Capture Images of Single Atoms ‘Swimming’ in Liquid

In all my thoughts Nandi's golden Words and wise.
จงให้ความคิดของเรา เต็มไปด้วยทองคำจาก พระคำ และ ปัญญา ของพระเจ้า 

---

บทที่ 143 Dust into Dust - That is Body's Way
At first it was clay, then it divided into two,
It was keeping well when evil entered,
Even as clear water falling from the skies,
Mixed with the mud becomes muddy,
Men degenerated and bacame subject to birth and death.

บทที่ 143 ฝุ่นก็จะกลับกลายเป็นฝุ่น นั่นคือหนทางของร่างกาย 
(หมายเหตุจากผู้แปล:บทนี้น่าสนใจมาก เพราะพูดเหมือนพระคัมภีร์ไบเบิลเป็นเนื้อความเดียวกัน)
ในเบื้องต้นมันเป็นดินเหนียว จากนั้นมันก็แบ่งออกเป็นสองส่วน 
มันได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างดีเมื่อสิ่งชั่วร้ายได้เข้ามา
แม้เมื่อน้ำใสโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า 
ผสมกับโคลน กลายเป็นโคลนเหนียว
มนุษย์ก็เสื่อมถอยและกลายเป็นมนุษย์ที่เกิดแก่เจ็บตาย

หนังสืออิสยาห์ 64: พระเจ้าทรงเป็นช่างปั้น เราเป็นดินเหนียว โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ แต่​บัดนี้​พระองค์​ยังทรงเป็นพระบิดาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นดินเหนียว และพระองค์ทรงเป็นช่างปั้น ข้าพระองค์​ทุ​กคนเป็นผลพระหัตถกิจของพระองค์ 

อิสยาห์ 55:10-11 เพราะเหมือนฝนและหิมะลงมาจากฟ้าสวรรค์ และไม่กลับที่นั่นเว้นแต่ได้รดแผ่นดินโลก แล้วทำให้บังเกิดผลและแตกหน่อ ทั้งให้เมล็ดพืชแก่ผู้หว่านและอาหารแก่คนกิน ทำนองเดียวกัน คำของเราที่ออกจากปากของเรา จะไม่กลับมาสู่เราเปล่าๆ แต่จะทำให้สิ่งที่เราพอใจนั้นสำเร็จ และให้สิ่งที่เราใช้ไปทำนั้นเสร็จสิ้น

โยบ 38:38 38 เมื่อผงคลี​แข​็งอย่างโลหะหลอม เมื่​อก​้อนดินเกาะกันแน่นหรือ

โรม 5:12 เพราะเหตุนี้ บาปได้เข้ามาในโลกเพราะคนๆ เดียว และความตายก็เกิดมาเพราะบาปนั้น และความตายก็ได้แผ่ไปถึงมวลมนุษย์ทุกคน เพราะมนุษย์ทุกคนทำบาป


  • เยเนซิศ 3:19 เจ้า​จะ​หากิน​ด้วย​เหงื่อ​ไหล​โซม​หน้า​กว่า​เจ้า​จะ​กลับ​เป็น​ดิน; เพราะ​เจ้า​บังเกิด​มา​แต่​ดิน เจ้า​เป็น​แต่​ผงคลี​ดิน, และ​จะ​ต้อง​กลับ​เป็น​ผงคลี​ดิน​อีก

  • สรุปความจากบทที่ 144-169
  • How Soon the Dead are Forgotten
  • มีเพียงปัญญาและความไม่ประมาท ระวังระไวเท่านั้นที่จะอยู่กับเรา นอกจากนั้นแล้ว ทุกอย่างก็จะลดน้อยและเสื่อมถอยลง และทิ้งเราไป เมื่อเราตายจากไป จะไวแค่ไหนที่เราจะถูกลืม? หลังจากเสียงร้องไห้คร่ำครวญอันยาวนาน ไม่มีใครเรียกชื่อของเราอีกต่อไปแล้ว พวกเขาจะเรียกเราว่า "ศพ" แล้วเราก็ถูกเผา ร่างกายไหม้สูญสลายไป หลังจากพิธีศพนั้นแล้ว ความทรงจำเกี่ยวกับเรา ก็จะค่อยๆ เลือนหายไป 
  • เมื่อ 2 ขาและลำตัวที่พยุงร่างกายของเราเอาไว้นี้พังลงไป 32 อวัยวะ กระดูกก็เสื่อมสลายและพังลงตามไปด้วย ลมหายใจของชีวิตก็ไม่คงเหลืออีกต่อไป จะรู้ได้อย่างไรว่า ตาย ก็ใช้นิ้วอังไปที่จมูกสิ ความตายมาถึงได้ในทันที เพียงมีความสุขกับอาหารอยู่ อวัยวะส่วนหนึ่งก็อาจเจ็บปวดขึ้นมา เมื่อนอนลงไป ก็เหลือไว้เพียงแค่ ฝุ่น ที่จะถูกเก็บเอาไว้เท่านั้น ไม่มีบ้าน ไม่มีทรัพย์สมบัติใดๆ ที่จะนำติดตัวไปได้ มีได้แค่หลุมฝังศพของตนเท่านั้นในการเดินทาง...
  • เมื่อเรายังมีชีวิต ผู้คนโอบกอดร่างกายของเรา แต่เมื่อความตายมาถึง พวกเขาก็ทำได้เพียงแต่ทิ้งเราไว้ในกองไฟ ไม่มีอะไรเหลือเลย เมื่อชีวิตจากไป ชีพจรล้มเหลว ความคิดจิตใจสูญหาย สัมผัสทั้งห้า ที่เคยมีความสุขกับความหอมหวาน ก็จากบ้านนี้ไป ดวงตาที่สวยงามอาจจะยังคงอยู่ แต่ประกายตานั้น ได้หยุดส่องแสงไปชั่วนิรันดร์ และทุกผู้คนก็จะจากเราไป ร่างกายแตกสลาย และความสัมพันธ๋ระหว่างชีวิตก็ถูกตัดลง ประตูบ้านถูกปิดลงชั่วกาลนาน เมื่อเวลาผ่านไป ความทรงจำเกี่ยวกับเราในทุกผู้คนก็เสื่อมสลาย
  • We do not Learn from the Death of Others
  • เราเห็นศพแล้วศพเล่าที่จิตวิญญาณของพวกเขาได้จากไป แต่มนุษย์มักคิดว่า สิ่งเหล่านั้นจะไม่เกิดกับเรา แต่ ท้ายที่สุดแล้ว เราทุกคนก็ต้องจากไป และเมื่อ่ร่างกายของเราแตกสลายลงไป ก็ไม่มีใครที่อยากจะเก็บเอาไว้ ใครเล่า ที่อยากจะเก็บเอาไว้ กับร่างกายที่ไร้ซึ่งชีวิต? 
  • หลังจากนั้น เรารู้ว่าร่างกายทุกส่วนจะถูกเผาไหม้กลายเป็นขี้เถ้า เหนือกว่านั้น เราไม่รู้ในสิ่งที่นอกเหนือจากนั้น ร่างกายของเราก็เป็นเสมือนดั่งผลแห่งกรรม และ แตกสลายได้เสมอ โดยมี กรรม ปกครองในร่างกายนี้ 
  • ทารกในครรภ์ จะอยู่ในครรภ์แม่ได้ 300 วัน ใน 12 ขวบวัยของพวกเขา พวกเขาจะมีความสุขกับกลิ่นหอมของชีวิต แต่ในวัย 70 พวกเขาก็จะเริ่มกลายเป็นฝุ่น จบบทละครง่ายๆ อย่างนั้น ผู้ใดที่ไม่รู้จักชื่นชมในพระเจ้า จะตกไปยังนรกชั้นที่ 7 นั้น ชีวิตล้วนนำไปสู่ความตาย ต่อให้เดินทางแห่งชีวิตด้วยความภาคภูมิใจสักเพียงไหน ลมหายใจก็มีวันหมดอายุไม่ต่างกัน ไม่มีอะไรสามารถนำชีวิตที่จากไปแล้ว นำกลับคืนมาได้ 
  • นบทต่อไป จะตอบคำถามเกี่ยวกับ ความร่ำรวย นะคะ ติดตามอ่านกันว่า Thirumanthiram จะพูดเกี่ยวกับ Wealth หรือ ความร่ำรวย ไว้ว่าอย่างไร
  • ติดตามครูเก๋ต่อได้ที่















ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Thirumandiram ตำนานโบราณจากอินเดียใต้ ตอนที่ 10 Transitoriness of Wealth

Tirumandiram "คู่มือมนุษย์จากโบราณกาล" ตอนที่ 1 มหาสมุทรแห่งประสบการณ์ จิตวิญญาณและความลึกลับของธรรมชาติ

Thirumandiram ตำนานโบราณจากอินเดียใต้ ตอนที่ 3 ค้นหาตำแหน่งแห่งสติปัญญาจากพระเจ้า